มักพบในคนที่มีประวัติปวดศีรษะไมเกรนและปวดศีรษะจากความเครียด
การใช้ยาแก้ปวดศีรษะมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดการปวดศีรษะแบบนี้
โดยเฉพาะจำพวก Aspirin, Paracetamol, Caffeine, NSAIDs, Ergotamine, Triptans
ทางทฤษฏีเมื่อสมองได้รับยาจำนวนมาก จะเข้าสู่สภาวะกระตุ้น ซึ่งจะทำให้ปวดหัวมากยิ่งขึ้น
อีกทางนึงที่ส่งผลต่อการปวดศีรษะคือการหยุดยา ทำให้ระดับยาในกระแสเลือดลดลง
ซึ่งอาการปวดศีรษะแบบนี้จะหายไปภายใน 2 เดือนหลังจากหยุดยา
สิ่งสำคัญอีกอย่างนึงคือการควบคุมอารมณ์ อย่างลดความกลัวหรือความกังวลจากอาการปวด ลดความคุ้นเคยจากการทานยา โรควิตกกังวล ซึมเศร้า และอารมณ์สองขั้ว
การทำงานอดิเรกที่ผ่อนคลายสามารถช่วยได้ เช่น การเลี้ยงสัตว์ การร้องเพลง การทำสมาธิ เป็นต้น
การดูแลรักษาด้วยตนเองจากอาการปวดศีรษะมีดังนี้
1.การหยุดยาที่ใช้เกินขนาดประเภทนั้นโดยทันที
2.การหยุดยาเดิมที่ใช้อย่างช้าๆ
การหยุดยาทั้งสองแบบอย่างอาจมีอาการถอนยาเกิดขึ้น เช่น ปวดศีรษะมากขึ้น คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่น นอนไม่หลับ กระวนกระวาย อาการเหล่านี้มักคงอยู่ราว 2 - 10 วัน ถ้าเกิดมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ยาควบคู่กับการหยุดยา
โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาเกินส่วนใหญ่มากเกี่ยวเนื่องมาจากโรคปวดศีรษะจากความเครียดและโรคปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งการดูแลไม่ให้ปวดศีรษะทั้งสองแบบเกิดขึ้น เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่จะทำให้ไม่เกิดโรคนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น